“เราอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม แต่ทำไมเราถึงยังไม่ลงมือทำ”
“เรามีไอเดียมากมายหลายอย่าง แต่ไม่กล้าที่จะทำซักที”
หลายๆคนคงเคยคิดแบบนี้ รวมถึงตัวผมเองด้วยครับ
ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีศักยภาพ มีพลังใจ มีความปรารถนา มีความครีเอทีฟ ที่จะสามารถสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา และเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างให้กับผู้อื่นได้ (ธุรกิจหรือสินค้าที่ดี ต้องมีคุณสมบัตินี้ครับ) โดยที่มีรายได้ มีผลกำไร มีความสำเร็จเป็นสิ่งตอบแทน
แต่บางครั้ง สิ่งที่เราคิด แผนการที่เราวางเอาไว้ กลับไม่เกิดขึ้น เพียงเพราะว่าเราไม่ได้เอามันมาลงมือทำ
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยมีสถานการณ์ที่คุยกับตัวเองว่า “เราเองก็เคยคิดไอเดียแบบนี้ได้เหมือนกัน”
แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างเจ้าของกิจการที่พูดถึง กับตัวเราเอง มีอุปสรรคแค่อย่างเดียวคือการ “ลงมือทำ” และเราเอาจริงกับมันหรือไม่
มันไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอกเลยด้วยซ้ำ เพราะเราเท่านั้นที่เป็นคนตัดสินใจว่าจะขยับตัว และพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จหรือไม่
2 ปัจจัยหลักที่ขัดขวางการลงมือทำของเราคือความกลัว 2 ประเภทครับนั่นคือการที่เรา “กลัวความล้มเหลว” และ “กลัวการถูกปฏิเสธ”
ความ “กลัวการล้มเหลว” ไบรอัน เทรซี่ อธิบายไว้ว่าเป็นความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา ที่ถูกฝังเอาไว้ตั้งแต่วัยเด็ก อาจจะเป็นการเปรียบเทียบ หรือการดูถูกจากครอบครัว ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งต่างๆที่เราปรารถนา ความคิดนี้จะติดอยู่กับจนกว่าเราจะเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านมันไป
ความ “กลัวการปฏิเสธ” ก็เป็นตัวขัดขวางการลงมือทำเช่นกัน เราอาจจะกลัวที่จะออกไปเปิดโอกาสของตัวเองกับผู้อื่น กลัวที่จะเปิดโอกาสตัวเองกับคู่ค้า กลัวว่าสิ่งที่ทำ จะออกมาไม่ดี โดยเฉพาะคนที่เคยผ่านประสบการณ์ความล้มเหลวมาแล้ว อาจจะแหยงและกลัวการลงมือทำไปเลย
ความกลัวสองแบบนี้สามารถแก้ได้ด้วยตัวเราเองครับ แค่เราทำในสิ่งที่อยู่ในขั้วตรงข้ามของความกลัวนั้นครับ
กลัวความล้มเหลว แก้ได้ด้วยการลงมือทำ
กลัวการปฏิเสธ แก้ได้ด้วยการออกไปเปิดปาก
ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ ว่าการที่เราออกไปเปิดปาก การที่เราลงมือทำ มันจะออกมาดีหรือไม่ดี แต่ที่แน่ๆ เราจะรู้มากกว่าเดิม รู้ว่าอะไรที่ทำแล้วได้ผล รู้ว่าอะไรที่ทำแล้วไม่ได้ผล
ไม่มีใครรับประกันได้ว่าการลงมือทำแต่ละครั้ง จะพาเราไปสู่ความสำเร็จได้รึเปล่า
เมื่อเราเข้าไปสู่ตลาด เข้าสู่สังเวียนความสนใจของลูกค้า ครั้งแรก เราอาจจะเจ็บกลับมา ได้ความพ่ายแพ้พร้อมกับประสบการณ์กลับมา ไม่ได้กลับมาตัวเปล่านะครับ กลับมาพร้อมประสบการณ์จริงๆจากสังเวียน จุดนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของหลายๆคนครับ
เราจะเลือกมองที่ความพ่ายแพ้ หรือเลือกมองที่ประสบการณ์ที่ได้มา ?
ถ้าเรามองที่ความพ่ายแพ้ เราจะกลับไปสู่วังวนของความกลัวแบบเดิมๆ
ถ้าเรามองที่ประสบการณ์ เราจะมีความกล้ากลับไปลุยกับมันใหม่
อีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง
ความกลัวพวกนั้นจะค่อยๆหายไป เพราทุกๆครั้งเราจะทำมันได้ดีขึ้น เราจะได้ประสบการณ์กลับมามากขึ้น และบางที การลงมือทำครั้งถัดไปของเรา อาจจะออกดอกออกผลให้เราก็บกินได้ตลอดชีวิตก็เป็นได้
เหมือนคำกล่าวที่ว่า
“เมื่อคนมีเงิน กับคนมีประสบการณ์มาเจอกัน คนมีประสบการณ์จะได้เงินกลับไป ส่วนคนมีเงิน จะได้ประสบการณ์กลับไป”
ครั้งต่อไป เราจจะเป็นคนมีประสบการณ์ ที่ได้ความสำเร็จกลับไปก็ได้ครับ
ขอแค่อย่าหยุดลงมือทำ ความกลัวมันจะหายไปเองครับ 🙂
น๊อต การตลาด 5 นาที