วิธีที่นักการตลาดล้างสมองเรา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

Share on facebook
Share on google
Share on twitter
Share on linkedin

วิธีที่นักการตลาดล้างสมองเรา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

วิธีที่นักการตลาดล้างสมองเรา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสอ่านเรื่องที่เคยปวดหัวตอนที่สอบวิชาจิตวิทยาสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย (และจำได้ว่าตอบมั่วๆไปด้วย แต่ก็ผ่านมาได้แบบหวุดหวิดด้วยดวงล้วนๆ)

“บางทีคนเราก็ไม่ต่างจากสุนัข”

นี่เป็นหัวข้อบทความของ ดร. ไมเคิล เอ บริทท์ เกี่ยวกับงานการทดลองของ ไอวาน พี พาฟลอฟ เรื่อง สุนัข กระดิ่ง และน้ำลาย

คุ้นๆกันไหมครับ ?

สำหรับใครที่ไม่คุ้น ผมขอเล่าให้ฟังแบบรวบรัดเลยแล้วกันครับ

พาฟลอฟไม่ได้เป็นนักจิตวิทยา แต่เป็นนักสรีรวิทยาที่พยายามจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร

พาฟลอฟอยากรู้กระบวนการที่น้ำลายจะไหลออกมา เป็นส่วนหนึ่งของระบบย่อยอาหาร เลยออกแบบการทดลองกับสุนัข โดยใช้หลอดเก็บน้ำลายฝังไว้ในแก้มทั้งสองข้างของสุนัขเพื่อวัดปริมาณน้ำลายหลังจากที่เอาผงเนื้อไปให้สุนัขกิน (หลายๆคนคงคุ้นๆว่าเป็นเนื้อเสต๊ก แต่การทดลองจริงๆเป็นผงเนื้อครับ)

แต่ด้วยความบังเอิญ พาฟลอฟสังเกตเห็นว่าสุนัขน้ำลายไหลตั้งแต่ได้ยินเสียงผู้ช่วย (ที่นำผงเนื้อมาให้) เดินมาตั้งแต่ไกลๆแล้ว

ด้วยความเป็นนักวิทยาศาสตร์ เมื่อสงสัยก็ต้องตั้งสมมุติฐานและหาคำตอบ พาฟลอฟเลยจัดทำการทดลองเพื่อตอบข้อสงสัยว่าเหตุการณ์อื่นๆจะทำให้น้ำลายของสุนัขไหลออกมาได้มั้ย

พาฟลอฟใช้เมโทรนอม (เครื่องนับจังหวะ) เป็นตัวกระตุ้น ภายหลังเป็นกระดิ่งอย่างที่เราคุ้นเคยกัน (ที่ใช้เสียงนี้เพราะอยากให้เป็นเสียงที่สุนัชไม่เคยได้ยิน ตัวกระตุ้นถึงต้องเป็นกลางที่สุด) และทำการทดลองด้วยการเปิดเสียงติ้กต่อกให้สุนัขได้ยิน

เริ่มแรกสุนัขก็มองเมโทรนอมด้วยความสงสัย

พาฟลอฟเอาผงเนื้อให้กับสุนัขหลังจากที่เปิดเสียงเมโทรนอม เมื่อมีเนื้อ สุนัขก็หิว และน้ำลายไหล

หลังจากทำได้สองสามครั้ง พาฟลอฟก็ลองเปิดเมโทรนอม … และรอ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือสุนัขน้ำลายไหล โดยไม่ต้องมีเนื้อเป็นตัวกระตุ้น

แปลว่าสุนัขได้เชื่อมโยงเสียงติ้กต่อก กับความหิวแทนที่อาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เชื่อใหมครับ ดร. ไมเคิล เอ บริทท์ ก็เขียนไว้ในบทความว่าเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นกับคนเราได้เช่นกัน โดย ดร. บริทท์ ได้ให้ลองทำการทดลองแบบง่ายๆกับตัวเองเพื่อทำความเข้าใจ แต่ผมขอไม่พูดถึงแล้วข้ามไปที่เรื่องการตลาดเลยแล้วกันครับ

ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านคงเคยได้รับชมโฆษณาที่มีส่วนประกอบเหล่านี้

– ภาพคนมีความสุข

– เสียงกลืนน้ำลาย

– เสียงเทน้ำดื่มลงแก้ว

– เสียงซ่าของเครื่องดื่มอัดแก๊ส

– เสียงเพลงสั้นๆที่เป็นเอกลักษณ์

– กลิ่นเฉพาะตัวของร้านกาแฟบางร้าน

ไม่ว่านักการตลาดที่คิดโฆษณาเหล่านี้ขึ้นมาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ

 

สิ่งกระตุ้นเหล่านี้ก็ได้เชื่อมโยงเรากับข้อความการตลาดอะไรบางอย่างเป็นที่เรียบร้อย

และเมื่อเราได้รับรู้สิ่งกระตุ้นเหล่านั้นอีกครั้งจากที่ไหนก็ตาม ความรู้สึกนึกคิดหรือข้อความทางการตลาดที่ฝังอยู่ในความจำของเราก็จะถูกงัดออกมาให้ลิ้มรสอีกครั้ง

– เด็กๆจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงรถไอติมที่คุ้นเคย

– เราอาจจะหิว เมื่อได้ยินเสียงบะหมี่ป๊อกๆปั่นมาใกล้ๆบ้านเรา

– เราจะรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้กลิ่นน้ำมันหอมของร้านนวดที่เดินผ่าน

– เราอยากจะไปนั่งเล่นสบายๆ เมื่อได้กลิ่นหอมที่โชยมาจากร้านกาแฟที่เดินผ่าน

– สุนัขของพาฟลอฟจะน้ำลายไหล เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้นมา

ผมก็จะหิวเช่นกัน เมื่อพิมพ์คำว่าเนื้อบ่อยๆ

ทำให้คิดได้ว่า “เอ้อ ผมกับสุนัขนี่มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยเนอะ”

วันนี้น้ำลายไหลกันมาเยอะแล้ว เอาไว้เดี๋ยวผมจะมาเล่าวิธีการนำเทคนิคนี้มาใช้กับโพสต์ขายของคุณแล้วกันนะครับ

น๊อต การตลาด 5 นาที

http://5minmarket.co

“ทำให้การตลาดเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ”

อ่านจบแล้ว อย่าลืม recommend หรือ share นะครับ :)

เว็บไซต์ของเรามีการใช้ cookies เพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสบการณ์ในกาชมเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น